หมึกริบบอนแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร?

สร้างงานพิมพ์สวยๆ คุณภาพดี ด้วยการเลือกหมึกริบบอนให้เหมาะกับงานพิมพ์

หมึกริบบอน

แน่นอนว่าอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของงานพิมพ์ที่มีคุณภาพนั่นก็คือ การเลือกหมึกริบบอน(Ribbon) หรือ ผ้าหมึกสำหรับเครื่องพิมพ์บาร์โค้ดที่ดี มีคุณภาพ และที่สำคัญคือ ต้องเหมาะสมกับงานพิมพ์นั้นๆ เพราะหมึกริบบอนแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน ควรเลือกใช้ตามความเหมาะสม และขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หลายท่านคงสงสัยแล้วว่า แล้วจะทราบได้อย่างไรล่ะว่า งานพิมพ์แบบไหน ควรเลือกใช้ หมึกริบบอนประเภทไหน วันนี้เอส.เค.ซิสเท็มส์จะพาไปรู้จักกับหมึกริบบอนแต่ละประเภท พร้อมทั้งยังมีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้ท่านสามารถเลือกหมึกริบบอนที่เหมาะสมกับงานพิมพ์ของท่านมาฝากกัน 

ประเภทของหมึกริบบอน ที่นิยมใช้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  1. หมึกริบบอนเนื้อ Wax (Wax Ribbon)
    หมึกริบบอนเนื้อแว็กซ์นี้ นับว่าเป็นหมึกริบบอนที่ได้รับความนิยมและถูกนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายมาก เนื่องจากมีราคาถูกกว่าหมึกริบบอนประเภทอื่นๆ และยังมีความเร็วในการพิมพ์สูง แต่มีจุดหลอมเหลวต่ำ ดังนั้น ผลลัพธ์ของงานที่จะได้จากหมึกริบบอนเนื้อ Wax นี้ จะได้งานพิมพ์ที่สีไม่ชัดเจนมากนัก และมีความความคงทนน้อย เหมาะสำหรับงานพิมพ์ระยะสั้นที่ไม่ต้องการความคงทนของงานมากนัก เนื่องจากหมึกริบบอนเนื้อ Wax นี้ ไม่คงทนต่อการขูดขีด จึงไม่เหมาะกับงานประเภทที่สินค้าหรือฉลากต้องเสียดสีกันเท่าไหร่นัก โดยทั่วไปแล้วหมึกริบบอนเนื้อ Wax นี้ค่อนข้างจะเหมาะสำหรับงานพิมพ์สติ๊กเกอร์ทั่วไปทั้งที่เคลือบผิวและไม่เคลือบผิว เช่น กระดาษกึ่งมันกึ่งด้าน เป็นต้น

    ตัวอย่างงานพิมพ์ที่เหมาะกับหมึกริบบอนเนื้อ Wax เช่น ป้ายหรือฉลากทั่วไปในอาคาร ป้ายราคา ป้ายถังขยะ ป้ายชื่อ ฉลากสินค้าทั่วไป การพิมพ์สติ๊กเกอร์ฉลากส่งสินค้า แท็กเสื้อผ้า ฯลฯ

    จุดเด่น : เหมาะที่สุดสำหรับพิมพ์บนสติ๊กเกอร์เนื้อกึ่งมันกึ่งด้านจะได้งานพิมพ์ที่ดำ-เงาสวยงาม ราคาถูก ใช้ได้หลากหลายในงานทั่วไป

  2. หมึกริบบอนเนื้อ Wax/Resin (Wax/Resin Ribbon)
    หมึกริบบอนประเภทนี้ นับว่าเป็นหมึกริบบอนอเนกประสงค์ ก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นหมึกที่มีความทนทาน สามารถยึดติดกับพื้นผิวได้ดี แสดงผลความคมชัดที่ดีกว่าหมึกริบบอนเนื้อ Wax มีคุณสมบัติสามารถทนต่อการขูดขีดปานกลาง มีการกันน้ำและสารเคมีในระดับปานกลาง และยังมีความสามารถในการนำไปใช้พิมพ์บาร์โค้ดร่วมกับวัสดุที่กันน้ำ ทนต่อสภาวะความร้อนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย สามารถใช้งานได้หลากหลายกว่าริบบอนเนื้อ Wax ค่าใช้จ่ายอยู่ในระหว่างริบบอน แว็กซ์ และ ริบบอน เรซิน คือ มีราคาแพงกว่าริบบอน แว็กซ์ แต่ถูกกว่าริบบอนเรซิน หมึกริบบอนเนื้อ Wax/Resin สามารถพิมพ์ลงบนพื้นผิวสังเคราะห์ วัสดุพลาสติก และสามารถพิมพ์ลงบนกระดาษผิวมัน ผิวขาวมัน ได้เช่นกัน เช่น ART Paper, BOPP, UPO หรือแม้แต่สติ๊กเกอร์เนื้อฟิล์มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสติกเกอร์ PVC, Foil, Tag ฯลฯ

    หมึกริบบอนเนื้อ Wax/Resin จึงเหมาะกับการนำไปใช้ในสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความทนทานมากขึ้น เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในงานอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้านการพิมพ์สลากสินค้า สติ๊กเกอร์รายละเอียดและราคาอาหารแช่เย็นหรือสินค้าในคลังสินค้าที่ต้องควบคุมอุณหภูมิตั้งแต่ 0 ถึง -40 องศา งานห้องเย็น ห้องแช่แข็ง หรือแม้แต่การพิมพ์ฉลากยา เป็นต้น

  3. หมึกริบบอนเนื้อ Resin (Resin Ribbon)
    สำหรับหมึกริบบอนนี้ใช้งานในลักษณะเฉพาะตัว มีความเร็วในการพิมพ์ต่ำ เพื่อให้ได้งานพิมพ์ที่มีคุณภาพสูง ใช้สำหรับเฉพาะงานพิมพ์ที่ต้องการความทนทานสูงมาก จึงทำให้มีราคาแพงที่สุด ด้วยคุณสมบัติของหมึกริบบอนเนื้อ Resin ที่มีความทนทานสูงมาก ทนต่อทุกสภาพแวดล้อมได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นความเย็น ความร้อนการขูดขีด ทั้งยังมีความสามารถทนทานต่อสารเคมีได้สูงอีกด้วย เช่น น้ำมัน จารบี เป็นต้น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีความยืดหยุ่นอยู่ เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนมาก มีแสงจ้า

    ตัวอย่างงานพิมพ์ที่เหมาะกับหมึกริบบอนประเภทนี้ ตัวอย่างเช่น ฉลากรับประกันสินค้าเพราะมีอายุการใช้งานยาวนาน แกลลอนน้ำมัน เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือติดฉลากบนสินค้าที่มีอุณหภูมิสูง และเนื่องจากหมึกริบบอนเนื้อ Resin นี้มีคุณลักษณะพิเศษที่สามารถพิมพ์ติดได้บนวัสดุที่ยากต่อการพิมพ์ได้ จึงนิยมนำไปใช้กับสติกเกอร์แบบเนื้อ Poly, เนื้อ Void, เนื้อ Laminate, เนื้อ Bopp, เนื้อ PP White ฯลฯ

 

นอกจาก 3 ประเภทหลัก ๆ ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายแล้ว แท้จริงแล้วหมึกริบบอน ยังมีอีก 2 ประเภทเพิ่มเติม ดังนี้

  1. หมึกริบบอนเนียเอดจ์ (NEAR EDGE RIBBON)
    หมึกริบบอนประเภทนี้มีวัสดุและหมึกที่เป็นส่วนผสมหลากหลายชนิด ถูกผลิตออกมาโดยเฉพาะสำหรับครื่องปริ๊นที่มีเทคโนโลยีการวางหัวพิมพ์แบบทำมุม แทนการวางแบบธรรมดาในแนวนอน โดยแหล่งความร้อนจะอยู่ที่ขอบของหัวพิมพ์ โดยเทคโนโลยีนี้ทำให้พิมพ์ได้รวดเร็วมากขึ้น อีกทั้งสามารถพิมพ์บนวัสดุที่หนาขึ้นได้ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องปริ้นเพียงไม่กี่แบรนด์ที่รองรับการพิมพ์ด้วยริบบอนแบบ Near Edge

  2. หมึกริบบอนแบบ Hot Stamp (Hot Stamp Ribbon)
    หมึกริบบอนประเภทนี้ เป็นเนื้อที่ใช้สำหรับการพิมพ์กับเครื่องพิมพ์ฮ็อตแสตมป์โดยเฉพาะ ซึ่งมีทั้งแบบมือกด แบบกึ่งอัตโนมัติ, เครื่องจักรบรรจุภัณฑ์ หรือแม้แต่เครื่องพิมพ์วันที่ ซึ่งจะใช้ในการพิมพ์เครื่องหมาย วันที่ ราคา ลงบนหีบห่อ บรรจุภัณฑ์ หรือ ซองพลาสติก ของสินค้าต่างๆ เป็นต้น


การเลือกใช้ประเภทของหมึกริบบอนที่ไม่เหมาะสมกับงานพิมพ์แล้ว นอกจากจะทำให้คุณภาพของงานพิมพ์นั้นๆ ไม่ดีเท่าที่ควรแล้ว ก็ยังจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องพิมพ์อีกด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ทำให้เครื่องพิมพ์เสียหายในทันที แต่หากใช้งานในระยะยาวจะทำให้อายุการใช้งานของเครื่องพิมพ์สั้นลงได้ ดังนั้นการเลือกใช้งานหมึกริบบอนงานหมึกริบบอนนั้น จึงควรคำนึงถึงลักษณะในการใช้งานเป็นหลัก ทั้งในด้านของคุณภาพของงานพิมพ์ที่จะได้ ความเหมาะสมของวัสดุที่จะใช้พิมพ์ ค่าใช้จ่ายหรือต้นทุนของงานพิมพ์ รวมถึงอายุของงานพิมพ์นั้นและความคงทนที่งานพิมพ์นั้นจำเป็นต้องมี ดังนั้นการเลือกใช้ประเภทของหมึกริบบอนที่เหมาะสมกับประเภทของงานพิมพ์แล้ว นอกจากจะได้งานพิมพ์ที่สวยงาม มีคุณภาพแล้ว ก็ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอีกด้วย

ติดต่อเรา
บริษัท เอส.เค. ซิสเท็มส์ จํากัด
ผู้จําหน่ายเครื่องพิมพ์บาร์โค้ด 
เครื่องพิมพ์บาร์โค้ด
Tel :
 02-548-0261, 02-548-0262
 

Visitors: 25,904